เชลซี นักเตะเก่งๆ เลื่องชื่อสังกัดเชลซี ที่น่าสนใจจะมีใครกันบ้าง

เชลซี นักเตะเก่งๆ จากความยากจน นำพาให้พวกเขา มีความสำเร็จได้อย่างภาคภูมิใจ

เชลซี นักเตะเก่งๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ที่มาของพวกเขาก็ล้วนไม่ธรรมดา เรื่องราวของ นักเตะเชลซี ที่มากด้วยความสามารถ ซึ่งก็มีหลายคนด้วยกัน วันนี้เราจะมากล่าวถึงผลงานของพวกเขาเหล่านั้นกัน จะมีใครกันบ้างมาติดตามกันได้เลย ขอเริ่มต้นกันที่ นักเตะคนแรกอย่าง เมสัน เมาท์

เด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมสปอตไลต์ ถึงหันแสงไปอาบตัวเขา แอชลีย์ โคล แบ็คซ้ายตัวตำนาน ถึงกลับออกมาพูดถึง เด็กคนนี้ว่ามีหัวดีและมีแววไปถึง World Class เพราะอะไร แฟรงค์ แลมพาร์ด ถึงวางใจดึงตัวเขา กลับมาเป็นตัวหลักที่เชลซี

พร้อมกับมอบสัญญาให้ยาว ๆ ถึง 5 ปี ทั้งที่ในปี 2012 เขายังเป็นเด็กน้อย ที่คอยเดินตามขอถ่าย รูป นักเตะ เชลซี กับพี่ ๆ ใน ทีม อยู่เลย ชั่วระยะเวลาเพียงแค่ 7 ปี เขานั้นมาไกลเกินฝัน

และในตอนนี้ เมสัน เมาท์ กำลังสร้างชื่อเสียงตามที่พี่ ๆ เป็น นักเตะเชลซีล่าสุด ที่กำลังเดินตามรอยพี่ ๆ ลงไปในสนาม พี่ ๆ ที่เขาไปขอถ่ายรูปด้วยในวันนั้น

หากพูดถึงทีม เชลซี นักเตะเก่งๆ อย่าง เมสัน เมาท์ มาจากเมือง Portsmouth ครอบครัวอบอุ่น ถึงแม้ไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ขัดสน ครอบครัวเขารักฟุตบอลกันทั้งบ้าน พ่อของเขาเคยทำงานในอู่เรือ ก่อนจะลาออกมาเป็นโค้ชฟุตบอล

และผู้เป็นพ่อหมายมั่นปั้นมือมาก ที่จะผลักดันให้เมาท์ ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอล เพราะครั้งหนึ่งเขาไม่เคยไป ถึงระดับนักฟุตบอลอาชีพ แต่ว่า DNA ฟุตบอลจึงถูกปลูกฝัง ลงในตัวเมาท์แบบเต็ม ๆ

เชลซี นักเตะเก่งๆ วิธีคิดคู่ชีวิตของพ่อนั้นกลับกัน แม่ของเมสัน เม้าท์อยากให้ลูกเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไปมากกว่า

และความหลงใหลเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่อาจทำให้เราท้าทายชะตาชีวิตของตัวเองได้ เมสัน เม้าท์อยู่กับฟุตบอล แทบทุกลมหายใจ ในที่สุดทางบ้านก็เปิดไฟเขียว ให้เม้าท์ไปลุยกับฟุตบอลได้เต็มที่ ไม่นานนัก เขาก็ปรากฏตัวอยู่ที่เชลซี ในฐานะเด็กฝึกอะแคเดมี โดยตรงในวัยเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น

และเพื่อให้ทางพ่อและแม่มีความสุข เมสัน เม้าท์จึงต้องรับบทบาท ทางนักเรียนในนักฟุตบอลไปด้วย เขาทุ่มเทกับทั้งสองสิ่งนี้ ตั้งแต่เริ่ม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ระหว่างฟุตบอลกับการเรียน มีเรื่องเล่าว่าหลังเลิกเรียน เมสัน เม้าท์ ยอมทำการบ้าน ในรถให้เสร็จก่อนไปซ้อม

เขาไม่เคยโดด ทั้งการซ้อมและการเรียน หรือที่จริงแล้วเขากลัวว่า จะไม่ได้เล่นฟุตบอล จึงต้องตั้งใจเรียนให้แม่เห็นด้วย ตรงนี้เราก็ไม่อาจทราบได้โดยแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ส่งผลดีต่อชีวิตของเขาโดยตรง เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนเขาจึงเป็นนักรู้

บทความฟุตบอล ที่น่าสนใจ เมื่อวางหนังสือลงกับผืนหญ้า แล้วอุ้มลูกฟุตบอลเข้าสนาม จึงทำให้นิสัยแบบนักเรียนนักรู้ของเขา ได้ติดตามเขาลงมาในสนามด้วย เม้าท์เข้าเรียนสลับ กับการลงซ้อมแบบไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ

และเมื่อได้มาสนามทีไร เขาจะเดินไปสวัสดีทักทายขอถ่ายรูป กับบรรดาตัวเก่า ในสโมสรอย่างจอห์น เทร์รี, แอชลีย์ โคล,หรือไอดอลในวัยเด็กของเขาอย่าง ดาวิด ลูอีซ ซึ่งเป็นนักเตะที่เม้าท์ชื่นชอบเป็นพิเศษ สิ่งนี้แหละ เป็นแรงผลักดันหนึ่ง ให้เขาต้องรีบเติบโตทางลูกหนังโดยไว

เพราะว่าใคร ๆ ก็ตามที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ย่อมมีฝันว่าจะได้ไปยืนอยู่จุดเดียวกัน กับที่ ผู้ เล่น ที่เขาหลงใหล อยู่บ้างอย่างแน่นอน แรงบันดาลใจอีกอย่าง ในวัยเด็กของเมาท์ที่เขาเคยได้เล่าไว้

นั่นคือวันที่พ่อของเขา พาไปชมเกมระหว่างพอร์ต สมัท กับแมนยูไนเต็ด ซึ่งไฮไลท์ของเกม คือรูปฟรีคิกของโรนัลโด้ ที่กดงัดเข้าช็อตเต็มข้อ บอลพุ่งวาร์ปเข้าสามเหลี่ยม ไปแบบเพอร์เฟค

และ 2 วันถัดมา เมสัน เม้าท์ ก็เบิกเนตรไปแล้วว่า ในโลกนี้มันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วเขาก็ได้นำลูกยิงฟรีคิก ของโรนัลโด้นั้นมาฝึกซ้อมแบบเอาจริงเอาจัง

นักเตะเชลซี ที่ครั้งหนึ่ง เคยชีวิตดิ่งลงเหว เพราะเจอมรสุมชีวิตตั้งแต่เด็ก จะเป็นใคร และเขาเอาดีทางด้านฟุตบอลได้อย่างไร

มาต่อกันกับ นักเตะคนเก่ง คนที่ 2 กันกับ นักเตะเชลซี ยุค90 อย่าง ฮาคิม ซิเย็ค นักบอลที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักเค้ากันมาบ้างแล้ว

ซึ่งเรามักจะได้เห็นประวัติและ รูป นักเตะ เชลซี ของนักฟุตบอลอาชีพ ในลีกยุโรปมากมาย ที่ตรากตรำชีวิตรากเลือด กันมาจากวัยเด็ก เพราะปัญหาเรื่องความยากจน และซิเย็คก็เป็นคนที่พบปัญหานี้

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเขาต้องพบเจอกับบททดสอบทางจิตใจ ที่บางทีก็ดูหนักหนาสาหัส เกินกว่าคนคนหนึ่งจะรับไหว ไม่ว่าจะเป็นการเสียคุณพ่อตั้งแต่ยังเล็ก จนเขาพลาดไป หันพึ่งยาเสพติดและแอลกอฮอล์

หรือการเห็นเพื่อนสนิท ล้มป่วยจากฟุตบอลจนเกิดอาการโคม่า เหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ ซิเย็ค เกิดจะล้มเลิกเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลแบบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกครั้ง ที่เขาสามารถคัมแบ็คกลับมาได้ ก็คือการไม่ยอมแพ้ ทำงานหนักและการซัพพอร์ตที่น่าทึ่งจากคนรอบข้าง

เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมปี 1993 เด็กชายซิเย็คลืมตาขึ้นมา ดูโลกในเมืองดรอนเท็นประเทศเนเธอร์แลนด์ ซิเย็คเห็นลูกคนที่ 9 และเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน และหลายอย่างที่คุณ ได้รู้กันนั่นคือ ซิเย็คนั้นไม่ได้มีสัญชาติเป็นชาติดัตช์

แต่ว่าครอบครัวของเขา อพยพมาจากโมร็อกโก ซึ่งสาเหตุของการย้ายประเทศออกมา ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป นั่นคือการย้ายออกไปหาอนาคตที่ดีขึ้นแต่ทว่า ชีวิตกลับไม่ได้เป็น อย่างที่ครอบครัวพวกเขาต้องการ นับตั้งแต่จำความได้ ซิเย็คก็เห็นภาพพี่น้องของเขา

ต้องทำงานช่วยพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะสภาพคล่องทางการเงิน ที่ค่อนข้างขัดสน แต่ด้วยความเป็นเด็กน้อย ซิเย็คก็ไม่หวั่นต่อความยากลำบาก ในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่วนสำคัญก็เป็นเพราะว่า เขาได้เจอกับความสุข แพชชันตั้งแต่วัยเยาว์ นั่นก็คือกีฬาฟุตบอล

กิจวัตรประจําวันของซิเย็ค เป็นไปตามที่เราพลาดได้ นั่นก็คือเลิกเรียน เขาจะกลับมาเล่นฟุตบอล กับเพื่อนแถวบ้าน เป็นชั่วโมง แน่นอนว่า ซิเย็คเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสนาม ด้วยเทคนิคและสกิลอันแพรวพราว ซึ่งก็ต้องขอบคุณ การขัดเกลาจากการเรียนรู้

การดูเกมการแข่งขันผ่านจอทีวี และการดูคลิปไอดอลของเขาแทบทุกวัน อย่างรอนัลดีนโยและซีเนดีน ซีดาน ซิเย็คได้เข้ารับการฝึกในระดับเยาวชนครั้งแรก กับสโมสรเรอัลรอนเทนในละแวกท้องถิ่น และก็ได้เจอกับหนึ่งในคนสำคัญที่สุด ในชีวิตของเขา นั่นก็คือ อาฟีส ลูเฟคา อดีตนักเตะผู้เป็นแข้งชาวโมร็อกโกคนแรก

ที่ได้เล่นในลีกสูงสุดของฮอลแลนด์ ชีวิตของซิเย็คตอนนั้น กำลังดำเนินไปด้วยความสดใส ตามประสาเด็กที่สนุก และมีความสุขกับชีวิตตามล่าความฝัน แต่แล้วชีวิตทุกอย่างของเขา ก็กลับดับมืดลง เมื่อต้องมาเจอกับเรื่องราว ที่ไม่คาดฝันมาก่อนในชีวิต 23 ธันวาคมปี 2003

หลังจากสู้กับโรคร้ายมานานนับเดือน พ่อของเขาก็ต้องมาจากไปในตอนที่ ซิเย็คมีอายุได้เพียง 10 ขวบ ซึ่งมันก็นับเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเขาและครอบครัว แม่ของเขาจากที่ทำงานหนักอยู่แล้ว ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูแลลูกทั้ง 9 คน ส่วนพี่น้องของเขาเองก็ต้องทำงานหนัก

ในเวลานี้จากอนาคตที่กำลังเบิกบาน ซิเย็คก็ต้องกลับมานั่งจมอยู่กับความโศกเศร้า พร้อมกับเริ่มเปิดรับอบายมุขต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตเพื่อเป็นที่ระบาย ไม่ว่าจะเป็นเหล้ายาปลาปิ้ง ในวินาทีนั้นบอกตามตรง

คือเขาเหมือนคนหมดอนาคต และไม่น่าจะก้าวมาประสบความสำเร็จ ในอาชีพฟุตบอลได้อีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าด้วยความรักและการซัพพอร์ตจากครอบครัว และที่สำคัญเขาได้มีชายคนหนึ่ง เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของเขา นั่นก็คือ อาซีส ดูเฟคาเขาเข้ามาช่วยซิเย็ค ในโมเมนต์ที่ยากและเด่นที่สุดในชีวิต

คอยประคับประคอง ไม่ให้ซิเย็คออกนอกลู่นอกทาง และไม่ยอมแพ้กับการเล่นฟุตบอล ดูเฟคาคอยอยู่เคียงข้างซิเย็คมาโดยตลอด แม้กระทั่งซิเย็ค พยายามไปเล่นอะคาเดมีฮีเรนวีน ซึ่งตอนนั้น ซิเย็คก็ต้องห่างบ้านห่าง ครอบครัวเป็นครั้งแรก

แล้วมันก็เป็นอีกครั้ง ที่เขาไม่สามารถรับมือ กับสถานการณ์น้ำหนักหน่วงได้ มันก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก เมื่อซิเย็คในวัย 16 ปี เริ่มกลับมาดื่มเหล้า แล้วก็เสพยาเหมือนเดิม ซิเย็คเริ่มขาดเรียน ไม่ค่อยลงสนามกับสโมสร ถือเป็นช่วงเวลาที่อนาคต นัก เตะ ใหม่ ของเขา ไม่แน่นอนถึงขีดสุด แต่ทว่าอาซีส ดูเฟคาก็ไม่เคยยอมแพ้ในตัวซิเย็ค

เรื่องราวในวัยเด็ก ที่แสนเลวร้ายของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะเป็นเช่นไร

ปิดท้ายกันด้วย นักบอลที่น่าสนใจ อีกท่านหนึ่งอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง เด็กกำพร้ากับรอยสักเท้าขวารูป M16 เด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยให้ลิเวอร์พูล สร้างสถิติทำประตู ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ก่อตั้ง พรีเมียร์ ลีก ในยุคของเบรนดัน ร็อดเจอส์ ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มเชื้อสายจาไมกาคนนี้

มีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใด ถึงแม้เขาจะถูกเหยียดอย่างมากมาย ในสื่อโซเชียล แต่ในชีวิตจริง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เคยเจอสิ่งที่เลวร้ายมายิ่งกว่านั้นมาก นั่นจึงทำให้เขามีภูมิคุ้มกัน ที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็ก และความฝันของเขาก็เกิดขึ้น ไม่ได้ย้ายมาอยู่ลอนดอน

เขาเกิดในเมืองคิงดอม ในประเทศจาไมก้า เมืองที่ได้ชื่อว่ามีการก่อการร้าย มากที่สุดของที่นั่น หลังจากที่ราฮีมเกิดมาได้ 8 ชั่วโมง เหล่าผู้ก่อการร้าย ก็ได้ประกาศที่จะยุติบทบาทลง แต่ถึงอย่างนั้น พ่อของดราฮีมก็ถูกใครก็ไม่รู้ ยิงเสียชีวิต ตั้งแต่ราฮีมอายุได้เพียง 2 ขวบ

คำว่า ชาคีลชื่อกลางของเขา ได้มาจาก ชาคีล โอนีล นักบาสเกตบอล NBA ที่เป็นขวัญใจของชาวจาไมก้า นามสกุลของราฮีม ถูกตั้งมาจากนามสกุล ของสามีเก่าของแม่ ราฮีมไม่มีอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพ่อแท้ ๆ ของเขาเลย

เขารู้เพียงว่า พ่อของเขาถูกยิงเสียชีวิตเท่านั้น ในช่วงแรกเกิดของ ราฮีมครอบครัวของเขา ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจนอย่างมาก แม่ของราฮีมยังเรียนไม่จบ แล้วยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงราฮีม แม่จึงตัดสินใจที่จะทิ้งราฮีมไว้กับยายที่จาไมก้า

แล้วตัวเองก็กลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ มีเพียงยายของเขา ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งราฮีมก็เข้าใจแม่ของเขาในสาเหตุนี้ ราฮีมเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่สมัยอยู่ที่จาไมก้า โดยเจ้าตัวได้เล่าว่าในเวลาที่ฝนตก มักจะมีเด็กออกมาเตะฟุตบอล โดยที่ไม่ได้นัดหมายกันเสมอ

ทุก ๆ คนจะเปียกปอนด์กันหมด และนั่นมันเป็นช่วงเวลาที่ราฮีมมีความสุขที่สุด พอเล่นเสร็จก็เหนื่อยพอเหนื่อย ราฮีมก็ต้องไปขอตังค์ยายซื้อไอติมธัญพืช ซึ่งไอติมชนิดนี้เป็นของกินที่หรูที่สุดแล้ว สำหรับคนที่เกิดในจาไมก้า

ในยุคนั้น ของกินสามารถหาซื้อได้ ในร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ เท่านั้น ต่อมาในวัย 5 ขวบ ยายของเขาได้พาเขา อพยพไปอยู่กับแม่ที่ลอนดอน เพื่อให้ราฮีมนั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันเป็นช่วงเวลา ที่ยากลำบากในการปรับตัว สภาพบ้านเมืองมันต่างจากที่เขาเกิดมาก

แต่สิ่งที่เหมือนเดิมนั่นคือ ความยากจนของครอบครัว โชคดีที่แม่ของเขา เป็นคนรู้จักใช้เงิน ทำให้ราฮีมจึงเป็นเด็กได้กินดีอยู่ดี กับเขาบ้าง แม่ของเขา เป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่โรงแรม ก่อนไปโรงเรียนราฮีม จะต้องช่วยแม่ทำความสะอาด ห้องน้ำทุกครั้ง

และโรงแรมนั้น เปรียบเสมือนบ้านของราฮีม ซึ่งมันมีทุกอย่างที่เขาต้องการ เขาแทบไม่ต้องออกไปข้างนอกเลย ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดของ ราฮีม สเตอร์ลิ่งนั่นคือการไปโรงเรียน ที่โรงเรียนประถมของเขานั้น มีแต่เด็กเกเร ที่ชอบใช้ถ้อยคำหยาบคายกับเขา

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็น ต่อความอดทนของเขาเท่าไหร่ เนื่องจากเขาเคยเห็นแม่ของเขา ได้รับคำพูดเชิงล้อเลียน แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ตอนทำงานเช่นกัน และแม่ก็สอนเขาว่า อย่าเก็บมันมาเป็นอารมณ์ เวลาอยู่ที่โรงเรียนราฮีม สเตอร์ลิ่งได้แต่คอยนั่งนับเวลา ให้ถึงเวลาพักเที่ยงและเวลาเลิกเรียน

ซึ่งมันเป็นเวลา ที่ทำให้เขาได้ออกไปเล่นฟุตบอล เวลาเล่นฟุตบอลมันเป็นเวลาเดียว ที่เขารู้สึกว่าเขาเหนือกว่าคนอื่น ๆ แต่แล้วช่วงเวลาที่เลวร้ายก็มาถึง ราฮีมถูกไล่ออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของพฤติกรรม

ซึ่งแน่นอนว่า เด็กคนอื่นทำให้ราฮีมไม่มีความสุข จนทำให้เขาต้องระเบิดอารมณ์โกรธออกมา ในตอนนั้น ราฮีม แค่รู้สึกว่า เขาสมควรได้รับความเป็นมิตร จากเด็กคนอื่น ๆ มากกว่านี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี สำหรับเด็กในวัย 10 ขวบ แต่เด็กคนอื่น ๆ มองราฮีมจากภายนอก

และเอาแต่กลั่นแกล้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้พิสูจน์ตนเอง ว่าเขามีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ให้แม่เห็น จนแม่ได้สมัครให้เขาไปเรียนในโรงเรียนที่ใหญ่กว่า จนได้ติด รายชื่อนักเตะเชลซี 2023 ในปัจจุบันอีกด้วย

จบไปแล้ว สำหรับใครที่ชอบ ซีรีส์เกาหลีฮาๆ ครั้งหน้ารับรองว่า เรามีมาฝากกัน แถมเรื่องราวของ เจ้าหนูนักเตะอย่าง เปิดประวัติ-มิโตมะ ที่กำลังมาแรงสุด ๆ และขอเอาใจสายกินกับ เมนูเส้นฉบับไทย อย่าพลาดเลย

เขียนโดย อลิส