ข่าวกีฬาฟุตบอล

เว็บไซต์กีฬาอันดับ 1 อัพเดทข่าวสารวงการกีฬา ฟุตบอล ผลบอล ฟุตบอลวันนี้ ผลฟุตบอลทั่วโลก พรีเมียร์ลีก กัลโช่ บุนเดสลีกา ลา ลีกา ยูฟ่าแชมป์เปียนลีก ยูฟ่าคัพ ไทยลีก เจลีก

ฟุตบอลโลก 2018 ปีแห่งเหนือความคาดหมายๆ อย่าง

ฟุตบอลโลก 2018

ตลอดหนึ่งเดือนของความบันเทิงที่คอลูกหนังบอกว่าไม่สะใจใน ฟุตบอลโลก 2018 เมื่อจบการแข่งขันที่แข่งกันไป ทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 64 แมตซ์ ซึ่งหลายคนอาจจะอยากถามว่าฟุตบอลโลก 2018 จัด ที่ไหน ที่แข่งกันไปในประเทศรัสเซีย เป็นปีที่ทางทีมชาติฝรั่งเศส ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม และคว้าถ้วยไปเป็นสมัยที่ 2 ตามมาเป็นอันดับที่สองก็คือทีมชาติโครเอเชีย และอันดับที่สามก็คือ เบลเยียมและอังกฤษได้เป็นอันดับที่สี่ และในทุกปีเราก็จะได้เห็นนักเตะหน้าใหม่ มาแจ้งเกิดกันแต่ละคนฝีเท้าไม่ได้แพ้ โรแบร์โต้ มันชินี่ หรือ วิลเลี่ยม ซาลิบา

หลังจากที่ทั่วโลกก็มานั่งลุ้นกัน ว่าทีมไหนนะที่จะกวาดถ้วย World Cup ไปเพราะนอกจากจะมีถ้วย เป็นเกียรติยศที่สูงสุดแล้วก็ยังมีรางวัลที่สำคัญๆ และในการแข่งฟุตบอลโลก 2018 แชมป์ ที่ผ่านมานั้นเราก็ได้นักเตะที่เป็นศูนย์หน้าคือความหวังของทีมชาติอังกฤษอย่าง แฮร์รี่ เคน ศูนย์มาคว้ารางวัล โกเด้นบูต คือเก็บรางวัลรองเท้าทองคำกลับบ้านไป จากการทำประตูไปถึง 6 ประตู

ฟุตบอลโลก 2018 จัด ที่ไหน

ฟุตบอลโลก 2018 ขึ้นแท่นโกลเด้นบอล

และแน่นอนว่าลูกบอลทองคำที่เป็นรางวัลของนักเตะ ที่ถือว่าทำผลงานดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์งานนี้ ก็ตกเป็นของ ลูก้า โมดริช เขาก็คือกองกลางที่เป็นเหมือนตัวบัญชาการ ของทีมชาติโครเอเชีย และรางวัลนักเตะดาวรุ่ง ที่กลายเป็นของนักเตะหน้าอ่อนในตอนนั้นคือ คีเลียน เอ็มปัปเป้ ศูนย์หน้าวัยแค่ 19 ปีได้ตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปเรียบร้อยค่ะ

ถ้าหากว่าเราจะดูกันในภาพรวมของฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง มีจำนวนประตูที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือ 169 ประตู ตลอดการแข่งขันและมีการแจกใบเหลืองไปทั้งหมดคือ 219 แถมด้วยใบแดงอีก 4 และมีการจ่ายบอลได้สำเร็จไปถึง 49,651 ครั้งทำให้เกิดการทำประตูไปได้เฉลี่ยแล้วนัดละ 2.6 ประตูและถือว่าเป็นเกมการแข่งขัน ที่มีประตูเกิดขึ้นเกือบจะทุกนัดซึ่งต่างจาก แชมป์บอลโลก 2014

เพราะในสมัย บอลโลก 2014 ก็มีคล้ายๆ กันสำหรับทีมที่มีการทำประตูกันไปมากที่สุด ก็ต้องยกให้เบลเยียมไปค่ะเพราะได้ประตูไปถึง 16 ประตูซึ่งอันนี้นับ 1 ประตูที่ทำเข้าประตูตัวเองไปด้วย และทีมที่มีการจ่ายบอลสำเร็จมากที่สุด คือทีมชาติอังกฤษ ที่จ่ายไปถึง 3,352 ครั้ง แต่สำหรับทีมที่มีเกมรับดีที่สุดก็ต้องยกให้โครเอเชียเขาไป เพราะมีสถิติการเคลียร์บอล และเข้าไปเพื่อแย่งบอลและเซฟด้วยรวมแล้วคือ 301 ครั้ง

ที่ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากที่สุดของทุกทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ บางทีน่าจะมาจากเหตุผลที่ทางทีมชาติโครเอเชียเป็นทีมที่ลงสนาม เป็นเวลานานที่สุดเพราะต้องมีการต่อเวลาและเล่นกันถึง 120 นาทีไปถึงสามนัดด้วยกัน

ในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง หลายปีที่ผ่านมานี้ เราเห็นว่ามีหลายเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใน ฟุตบอลโลก ถือว่าเป็นปีที่เหนือความคาดหมายที่สุดของประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก และยังมีที่สุดแห่งปีที่เหนือความคาดหมายอีกหลายอย่างต่อไปนี้ค่ะ

ฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง

ถือว่าเป็นฟุตบอลโลก 2018 แชมป์ ที่ทีมใหญ่นัดกันตกรอบ

ตั้งแต่นัดก่อนเปิดสนาม และการที่ประเทศอิตาลีที่เคยเป็นแชมป์มาแล้วถึง 4 สมัย และทีมดังๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ดันไม่เข้ารอบฟุตบอลโลก ในรอบสุดท้าย ก็ว่าเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว แต่พอเริ่มเปิดสนามนั่นแหละ ทำให้มีความคาดหมายเกิดขึ้นอีกเยอะแยะมากมาย

โดยเฉพาะมีทีมดังทีมใหญ่แพคกระเป๋ากลับบ้านกันไปแบบเร็วๆ ซึ่งมันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่ทีมชาติเยอรมัน ตกรอบแบ่งกลุ่มแถมทีมดังอย่างอาร์เจนตินา และทีมชาติสเปน ที่เป็นสองทีมดีกรีแชมป์โลกเข้าไปได้ลึกที่สุดก็แค่ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ตามมาด้วยโปรตุเกส ภายใต้การนำของครีสเตียโน่ โรนัลโด ตามมาติดๆ ด้วยทีมชาติบราซิลที่เคยได้แชมป์มาแล้วถึง 5 สมัยก็ดันมาจอดป้ายที่ รอบแปดทีมสุดท้ายเท่านั้น

ทีมชาติเยอรมันดันตกรอบแบ่งกลุ่มในรอบ 80 ปี

ความจริงในฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง ที่ถือว่าเป็นเต็งหนึ่งของแชมป์เลย แต่ในที่สุดก็ทำช็อกทั่วกันทั่วโลก คือดันแพ้ตั้งแต่นัดแรกทำให้กลายเป็นปิดประตูความหวังของการเป็นแชมป์ แต่มันดันเป็นตกรอบแบ่งกลุ่มในรอบแปดสิบปี ที่เรียกว่าทำเอาพลเมืองเยอรมันผิดหวังไปตามๆกันแต่ไม่น่าเชื่อว่า ทีมที่มาไกลเกินคาด ก็คือทีมชาติอังกฤษ และถึงแม้ว่าจะมีกองเชียร์เยอะ และถือว่าทีมนี้เป็นม้านอกสายตาตั้งแต่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์

และยังเป็นทีมที่ไม่ได้ถูกตั้งความหวังไว้ก่อนหน้า และบรรดากูรูก็ลงความเห็นเหมือนกันหมด ว่าน่าจะเข้าไปได้แต่ไม่น่าเกินรอบ 8 ทีมสุดท้ายเนื่องจากองค์ประกอบอื่นๆ หลายอย่างที่ไม่ว่าจะเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์น้อย ไม่มีแม้แต่พวกบิ๊กเนม รวมไปถึงโค้ชที่นำทีมมาด้วยอย่าง การเร็ธ เซาธ์เกต

แชมป์ บอลโลก ล่าสุด 2022

สรุป ฟุตบอลโลก 2018 กลายเป็นรายการที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย

อย่างหนึ่งที่ถือว่าฟุตบอลโลก 2018 แชมป์ เป็นเรื่องหักปากกากูรูไม่ได้แพ้ ฟุตบอลโลก 2022 กันเลยทีเดียว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่พลังของความหนุ่ม มาเหนือพลังของความเก๋า และถึงแม้บรรดาเซียนจะบอกว่า มีความห่วงเรื่องประสบการณ์ ในสนามว่าบรรดาคนหนุ่มอาจจะสู้ไม่ได้ และมันต้องมีความเก๋าถึงจะได้เปรียบ แต่ครั้งนี้ดันผิดคาด

เพราะว่าฟุตบอลโลก 2018 ที่ดูจากอายุเฉลี่ยของทีมแล้วก็อยู่ที่ 26-27 เท่านั้นและทีมที่เข้ารอบ และทีมที่ชนะและคว้าถ้วยไปในครั้งนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มอายุน้อยกันทั้งนั้นเลยค่ะบอกเลยว่าความสนุกไม่ได้แพ้ แชมป์ บอลโลก ล่าสุด 2022 หรือ ฟุตบอลโลก 2010